กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว ก่อนอื่นแอดมินและทีมงานเพจเกษตรกับธรรมะ ก็ขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านยังคงติดตามผลงานของเรามาตลอด เราจะคอยสรรหานำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความใจโลงใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านเรื่อยๆนะคะ ก่อนที่เราจะไปอ่านเรื่องราวในวันนี้ แอดมินและทางทีมงานขออวยพรให้ท่านแฟนเพจมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตด้วยนะคะ
วันนี้เรามีความรู้ดีๆเกี่ยวกับการเติมน้ำในหม้อน้ำรถยนต์มาฝากกัน บางคนอาจจะได้ยิน มาว่าใช้น้ำเปล่าเติมก็ได้ บางคนก็ว่าต้องเติมน้ำย าหล่อเย็น สรุปแบบไหนกันแน่ ฉนั้นวันนี้เรามาดูบทความนี้กันจะได้รู้สักทีว่าต้องเติมอะไร
เป็นที่ทราบกันดีว่าของเหลวในหม้อน้ำจะถูกไหลเวียนเพื่อช่วยลดความร้อนของเครื่องยนต์ให้อยู่ในระดับอุณหภูมิปกติ การใช้น้ำประปาทั่วไปจะทำให้เกิดตะกรันได้ นานเข้าจะทำให้เกิดการสะสมของตะกรันจนนำไปสู่การอุดตันภายในหม้อน้ำ ทำให้ประสิทธิภาพการระบายความร้อนลดลง สุดท้ายแล้วชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้ องกับระบบหล่อเย็นก็อาจเกิดความเ สี ยห า ยต ามมาได้
ขณะที่น้ำหล่อเย็น (Coolant) มีส่วนผสมของเอทธิลีน-ไกลคอล ช่วยลดโอกาสการเกิดตะกรันภายในระบบหล่อเย็น ลดการกัดกร่อนของเหล็กที่เกิดจากน้ำประปา และทำให้หม้อน้ำไม่มีสนิม ลดความเสี่ยงต่อ การอุดตันของหม้อน้ำได้ อีกทั้งยังมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มจุดเดือ ดของน้ำให้สูงขึ้นเป็น 120-125 องศาเซลเซียส ทั้งหมดนี้จะช่วยยืดอายุการใช้งานของหม้อน้ำได้เป็นอ ย่ างมากเมื่อเทียบกับน้ำประปา
ดังนั้น การเติมน้ำประปาลงไปในหม้อน้ำ ควรเติมเฉพาะกรณีฉุกเฉินจริงๆ เท่านั้น เช่น หม้อน้ำรั่วระหว่างทางจนทำให้ระดับน้ำพร่องลง ก็จำเป็นต้องเติมเพื่อให้สามารถนำรถเข้าอู่ได้ โดยทั่วไปแล้ว รถใหม่ทุกคันจะถูกเติมน้ำย าหล่อเย็น มาให้จากโรงงาน และหากนำรถเข้าเช็คระยะเป็นประจำ ช่างจะตรวจสอบและเติมน้ำหล่อเย็นให้ได้ระดับอยู่เสมอ แต่เมื่อใดที่จำเป็นต้องเช็คระดับน้ำด้วยตัวเอง ก็ควรใช้น้ำย าหล่อเย็นเติมลงไปเท่านั้น ทั้งนี้ น้ำย าหล่อเย็นจะถูกใส่สีลงไป เช่น สีชมพู, สีเขียว, สีฟ้า ฯลฯ เพื่อให้สามารถมองเห็นร่องรอยการรั่วได้ง่ายขึ้นเท่านั้น น้ำย าแต่ละสีจึงมีคุณสมบัติไม่แตกต่างกันแต่อ ย่ างใด
ที่มา sanook
เรียบเรียงโดย เกษตรกับธรรมะ