การมีลู กเพื่อหวังจะให้พวกเขาเลี้ยงดูในยามแก่นั้นเป็นแนวคิดของคนสมัยก่อนที่มีสืบกันมานานมาก ซึ่งก็มักจะเป็นแบบนั้นจริง ๆ เสียด้วยในสังคมของเรา แต่ว่าหากจะมองในความเป็นจริงแล้วมันยังจะใช้ความคิดแบบนี้ได้อยู่ไหม
“มีลู ก ตอนแก่จะได้มีคนเลี้ยงดู” ซึ่งมันจะแปลได้อีกทางว่า หากลู กไม่ยอมเลี้ยงดูคือ อกตัญญูอย่างนั้นหรือ ในความเป็นจริงมันเป็นความเห็นแก่ตัวของคนเป็นพ่อแม่กันแน่ ลองมาอ่านกันดู
คำว่ากตัญญู ก็คือ การทำหน้าที่ของลู กที่ดี ต่อบุพการีผู้ให้กำเนิดเลี้ยงดูให้สมบูรณ์ที่สุด ซึ่งหน้าที่ดังกล่าวนี้ ถ้าลู กคนไหนที่ทำได้ และทำได้ดี ก็นับว่าคุณเป็นลู กที่ประส บความสำเร็จ
ในฐานะลู ก ที่เลี้ยงดู กตัญญู ต่อบิดามารดาแล้วครับ สำหรับในทางธรรมะ ได้กล่าวเอาการทดแทนบุญคุณพ่อแม่เอาไว้ ดังนี้
เมื่อท่านเลี้ยงเรามาแล้ว เราจะต้องเลี้ยงท่านตอบ ช่วยทำกิจ การงาน ของท่าน สืบเชื้อสายดำรงวงศ์ตระกูล ปฏิบัติตน ให้เหมาะสมแก่การเป็นผู้รับมรดกท่าน เมื่อท่านล่วงลับจากไปแล้ว ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ท่าน
ในปัจจุบันนี้ก็มีคนแก่ชราหลายคนมากที่เข้ากับครอบครัวของลู ก ๆ ไม่ได้ บางทีความคิดแบบเดิมมันอาจจะต้องปรับแล้วก็ได้ ทำไมไม่คิดว่าอยากจะให้ลู กเลี้ยงดูในตอนแก่เป็นการ ดูแลตัวเองได้ในตอนแก่บ้าง จะเอาสมัยก่อนกับปัจจุบันมาเทียบกันมันไม่ได้
พ่อแม่มีลู กตั้งหลายคนยังเลี้ยงได้ ทำไมลู กเลี้ยงพ่อแม่บ้างไม่ได้ ซึ่งมันก็อาจจะน่าคิด แต่ลองมองถึงค่าครองชีพและการใช้ชีวิตของมนุษย์ในปัจจุบันสิมันเหมือนสมัยก่อนงั้นหรือ

เรามีเรื่องราวน่าอ่านและอยากให้ทุกคนทำความเข้าใจตาม ทั้งในมุมของคนเป็นพ่อแม่ และในมุมของความเป็นลู ก เรื่องราวมีดังนี้
มีคุณแม่คนหนึ่ง สามีเสียไปนานแล้ว เธอสอนหนังสือหาเงินเลี้ยงลู กชายจนโต เขาเป็นคนเชื่อฟังตั้งแต่ตอนเล็ก พอลู กโต เธอก็ส่งลู กไปเรียนอเมริกา พอลู กเรียนจบก็อยู่ทำงานต่อที่อเมริกาหาเงินซื้อบ้าน แต่งงาน มีลู กหนึ่งคน สร้างครอบครัวที่แสนสุข
ตัวเธอเองคิดถึงประโยคที่ว่ามี ลู กจะได้มีคนเลี้ยงตอนแก่ คิดถึงสายตาอิจฉาของญาติๆและเพื่อนฝูง เธอมีความสุขจากใจ ระหว่างรอจดหมายตอบจากลู กชาย เธอก็จัดการเรื่องบ้านและงานจนเรียบร้อย
คืนสุดท้ายก่อนเธอจะเกษียณ เธอก็ได้รับจดหมายที่ส่งมาจากอเมริกาของลู กชาย พอเปิดออกดูข้างในก็เป็นเช็คมูลค่า 3 หมื่นเหรียญดอลล่าร์ เธอรู้สึกแปลกใจมาก เพราะลู กชายไม่เคยส่งเงินให้เธอมาก่อน เธอรีบเปิดจดหมายออกอ่าน ในจดหมายเขียนว่า “แม่ครับ พวกเราได้คุยกันแล้ว ตัดสินใจ
และสรุปว่า พวกเราไม่ยินดีให้แม่มาอยู่ด้วยกันที่อเมริกา ถ้าแม่คิดว่าแม่มีบุญคุณที่เลี้ยงดูผมมา คำนวณตามราคาตลาด ก็ประมาณ 2 หมื่นกว่าเหรียญ ผมก็เลยเพิ่มให้นิดหน่อย แล้วส่งเช็ค 3 หมื่นมาให้แม่ หวังว่าต่อไปนี้แม่จะไม่เขียนจดหมายมาอีก”
แม่อ่านจดหมายฉบับนั้นจบก็น้ำตาไหลพราก รู้สึกว่าตัวเองเป็นม่ายมาตลอดชีวิต จากนี้ไปต้องแก่อย่างโดดเดี่ยว เธอเจ็บปวดจนไม่อยากมีชีวิต ต่อมาเธอก็ศึกษาพระพุทธศาสนา หลังศึกษา เธอก็คิดได้ เธอใช้เงิน 3 หมื่นเหรียญเอาไปเดินทางเที่ยวรอบโลก ได้เห็นสิ่งใหม่ๆมากมาย
หลังจากนั้นเธอจึงเขียนจดหมายหนึ่งฉบับถึงลู กชาย ในจดหมายว่า “ลู กรัก ลู กไม่อยากให้แม่เขียนจดหมายมาอีก ก็ถือซะว่าจดหมายฉบับนี้เป็นข้อความเพิ่มเติมจากฉบับที่แล้วละกัน แม่ได้รับเช็คแล้ว และใช้เงินจำนวนนั้นไปเดินทางรอบโลก
ระหว่างเดินทางท่องเที่ยว อยู่ๆแม่ก็รู้สึกว่า แม่ควรขอบใจลู ก ขอบใจที่ทำให้แม่เห็นอะไรทะลุปรุโปร่ง ปล่อยวาง ทำให้แม่ได้เห็นว่าความสัมพันธ์ในครอบครัว เพื่อน และคนรักไม่มีรากหยั่งลึก เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
ถ้าวันนี้แม่ยังคิดไม่ตก ยังยึดติด ยังทุกข์อยู่ แม่คงสิ้นลมหายใจไปภายในปีครึ่งปี การปฏิเสธของลู ก ทำให้แม่ได้เห็นว่าคนเรามีวาสนาก็ได้เจอ หมดวาสนาก็จากกัน
ทุกอย่างไม่เที่ยงแท้ ทำให้แม่เรียนรู้ที่จะสงบและใจเย็น มองทุกอย่างในเชิงบวก แม่ไม่มีลู กแล้ว ไม่มีอะไรให้เป็นห่วง เพราะงั้นแม่ถึงสามารถอยู่ได้โดยไม่มีมัน

“พ่อแม่ที่น่าสงสาร” คนเป็นพ่อแม่อยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลู ก แต่สุดท้ายแล้วสิ่งที่ได้รับกลับไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุดมีคนกล่าวไว้ว่า บ้านของพ่อแม่คือบ้านของลู กตลอดเวลา บ้านของลู กไม่เคยเป็นบ้านของพ่อแม่
การให้กำเนิดลู กเป็นงานที่ต้องทำ การเลี้ยงดูลู กเป็นภาระหน้าที่ การพึ่งพาลู กเป็นความเข้าใจผิด ช่างเป็นเรื่องราวที่ไม่น่าฟัง แต่ก็ไม่ฟังก็ไม่ได้ แม้ว่าไม่ใช่ลู กทุกคนจะเป็นเหมือนลู กชายในเรื่องที่ ไม่ มี หัว ใ จ
แต่คนเป็นพ่อแม่ไม่ควรคิดว่าแก่แล้วจะพึ่งพาลู ก พูดกันตามตรง แก่แล้วต้องดูแลตัวเอง ลู กกตัญญูต่อคุณถือเป็นบุญ ถ้าลู กกตัญญูไม่พอ พ่อแม่ก็บังคับไม่ได้ วิธีที่ดีที่สุดคือ วางแผนชีวิตพึ่งพาตัวเองตอนแก่ไว้จากมุมมองของสังคม
การมีลู กจะได้มีคนเลี้ยงตอนแก่เป็นความปรารถนาในใจ แต่ในยุคปัจจุบัน เศรษฐกิจ สังคม วัตถุนิยม วิถีการดำเนินชีวิตที่เปลี่ยนไป สถานการณ์ในปัจจุบันคือ คนยุคใหม่เปลี่ยนไป คนอายุมากยังยึดติด
การที่คนอายุมากยึดแนวความคิดว่ามีลู กจะได้มีคนเลี้ยงตอนแก่ไม่เหมาะสมกับอีกต่อไป สิ่งที่ตามมาคือ โ ศ ก น า ฏ ก ร ร มพ่อ แม่ ทวงบุญคุณกับลู กได้แต่มันไม่ใช่ลู กทุกคนที่มีศักยภาพพอที่จะดูแลพ่อแม่ได้
เพราะเพียงแค่ชีวิตและครอบครัวของเรามันก็ต้องดูแลเช่นกัน การวางแผนดูแลตัวเองตอนแก่จึงเป็นสิ่งที่คนเป็นพ่อ แม่คนควรวางแผนและอย่าฝากความหวังทั้งหมดมาทิ้งไว้ที่ลู กได้แล้ว มันไม่ใช่ความผิดของลู กที่ดูแลคุณไม่ได้ แต่มันผิดที่คุณที่ไม่ยอมดูแลตัวเองต่างหาก ฝากไว้ให้คิดกันนะ
ขอบคุณที่มา Liekr เรียบเรียงโดยเพจน่าอ่าน