การปลูกผักของคนในเมืองอาจมีข้อจำกัดมากกว่าในชนบท เนื่องจากข้อจำกัดในเรื่องสภาพพื้นที่ สภาวะแวดล้อมไม่เหมาะสม เพราะได้รับแสงแดดไม่เพียงพอ ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน ฯลฯ
แต่ข้อจำกัดเหล่านั้นสามารถปลดล็อกได้โดยง่าย ด้วยเทคโนโลยีการปลูกผักแบบใหม่ ที่เรียกว่า ระบบไฮโดรโปนิกส์ (Hydroponics) หรือที่เรียกกันแบบง่ายๆ ว่า “ระบบการปลูกผักไร้ดิน”

สำนักงานเกษตรเขตสายไหม กรมส่งเสริมการเกษตร ได้แนะนำให้รู้จักกับเกษตรกรคนเก่ง คือ คุณกฤษฎา ทัสนารมย์ เจ้าของ บริษัท ไลฟ์ลี่ การ์เด้นท์ จำกัด เบอร์โทร. (081) 855-2223, (080) 999-0364
คุณกฤษฎา เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ เขาเรียนจบสาขาเกษตร จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ผ่านประสบการณ์การเป็นเกษตรกร อาจารย์พิเศษ สอนในระดับมหาวิทยาลัย
และเป็นวิทยากรให้ความรู้เรื่องการออกแบบ ดูแล รักษา สวนหย่อม และการปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ ให้กับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง

การปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ คุณกฤษฎา กล่าวว่า การเพาะปลูกผักระบบไฮโดรโปนิกส์ คือระบบการปลูกพืชในน้ำที่มีสารละลายอาหารพืชอยู่ครบถ้วน ทำให้พืชเจริญเติบโตได้อย่างปกติ พืชไม่มีความเครียดจากการขาดน้ำและธาตุอาหาร ข้อได้เปรียบของการปลูกพืชระบบไฮโดรโปนิกส์คือ
1 ควบคุมการใช้ธาตุอาหารของพืชได้ง่ายกว่าการปลูกพืชในดิน
2 ลดค่าแรงงานในการเตรียมพื้นที่ปลูกได้มาก
3 ประหยัดน้ำกว่าการให้น้ำกับพืชที่ปลูกทางดิน ไม่น้อยกว่า 10 เท่า
4 ควบคุมโรคในดินได้ง่ายกว่าการปลูกพืชในดินตามปกติ
5 สามารถปลูกพืชได้ในพื้นที่ที่ไม่สามารถปลูกพืชในดินได้ เช่น ดินไม่ดี หรือบนพื้นปูน
6 ได้ผลผลิตค่อนข้างสม่ำเสมอ และมีคุณภาพดีกว่าการปลูกในดิน
7 ให้ผลตอบแทนสูงกว่าการปลูกพืชในดิน
8 ประหยัดเมล็ดพันธุ์มากกว่าการปลูกแบบใช้ดิน

อย่างไรก็ตาม การปลูกผักในระบบนี้ก็มีข้อด้อยอยู่บ้าง คือต้องลงทุนสูงในเรื่องอุปกรณ์ต่างๆ ผู้ปลูกต้องมีความรู้ด้านการจัดการ และเทคโนโลยีที่ใช้ในระบบปลูกต้องมีระบบน้ำและระบบไฟฟ้าที่พร้อม
ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่า มีข้อจำกัดของชนิดพืช ไม่สามารถปลูกพืชทุกชนิดที่สามารถปลูกในดินได้ นอกจากนี้ ยังมีการแพร่กระจายของเชื้อโรคทางน้ำในระบบได้เร็วและยากต่อการควบคุม
หากอุณหภูมิของสารละลายเกิน 29 องศาเซลเซียส ปริมาณออกซิเจน ในสารละลายจะลดต่ำ อาจส่งผลเสียต่อการปลูกผักได้รูปแบบการปลูกผักไร้ดิน
คุณกฤษฎา กล่าวว่า รูปแบบของการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ที่ใช้หลักการ ให้ธาตุอาหารพืชในรูปของสารละลายโดยให้รากพืชจุ่มลงสารละลายธาตุอาหารพืชโดยตรงนั้น สามารถแบ่งเป็น 3 ระบบ ที่สำคัญ ได้แก่
1ระบบ ดีอาร์เอฟ (Dynamic Root Floating, DRF) เป็นระบบที่ให้รากพืชแช่อยู่ในน้ำส่วนหนึ่ง และอีกส่วนหนึ่งลอยอยู่ในอากาศ เพื่อช่วยในการหายใจ ทำให้พืชสามารถเจริญในสารละลาย

2 ระบบ เอ็นเอฟที (Nutrient Film Techique, NFT) เป็นการปลูกพืชในรางตื้นๆ ที่ติดตั้งให้มีความลาดเอียง 1-3% โดยให้สารละลายไหลผ่านรากพืชเป็นชั้นแผ่นผิวบางๆ โดยสารละลายจะไหลหมุนเวียนผ่านรากตลอดเวลา
ความยาวของระบบ มีตั้งแต่ 1-20 เมตร แต่ไม่ควรเกิน 20 เมตร เนื่องจากจะทำให้เกิดความแตกต่างของปริมาณออกซิเจนระหว่างหัวระบบและท้ายระบบ

3 ระบบ ดีเอฟที (Deep Floating Technique, DFT) เป็นระบบการปลูกพืชในสารละลายลึก 15-20 เซนติเมตร ในกระบะที่ไม่มีความลาดเอียง ปลูกบนแผ่นโฟม หรือวัสดุลอยน้ำได้
เพื่อใช้เป็นที่ยึดลำต้นให้มีการหมุนเวียนสารละลายจากถังพักขึ้นมาใช้ใหม่โดยใช้ปั๊ม การหมุนเวียนในระบบนี้เป็นการเพิ่มปริมาณออกซิเจนให้แก่รากพืช ซึ่งในระบบนี้การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของสารละลายจะมีน้อยกว่า ระบบ NFT

หากใครมีข้อสงสัยหรืออยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม เรื่องการปลูกพืชแบบไฮโดรโปนิกส์ สามารถติดต่อพูดคุยกับ คุณกฤษฎา ทัสนารมย์ ทางเบอร์โทร. (081) 855-2223, (080) 999-0364 ได้ทุกวัน