กลับมาพบเจอกันอีกแล้ว ก่อนอื่นแอดมินและทีมงานเพจเกษตรกับธรรมะ ก็ขอขอบคุณที่ท่านผู้อ่านยังคงติดตามผลงานของเรามาตลอด เราจะคอยสรรหานำเสนอเรื่องราวดีๆ ให้ความใจโลงใจและมีประโยชน์แก่แฟนเพจทั้งหลายให้ท่านได้อ่านเรื่อยๆนะคะ ก่อนที่เราจะไปอ่านเรื่องราวในวันนี้ แอดมินและทางทีมงานขออวยพรให้ท่านแฟนเพจมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีแต่สิ่งดีๆเข้ามาในชีวิตด้วยนะคะ
“ถั่วปี” เป็นพืชพื้uเมือง ที่หลายคนอาจไม่รู้จัก ส่วนใหญ่แล้วจะนิย มปลูกทางภาคเหนือ ภาคอีสาน สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย อาทิ หากเป็นฝักดิบ จะนำมาตำส้มตำ บอกได้เลยว่าอร่อยมาก ๆ หากใครได้ลองชิม ต้องติดใจอย่างแน่นอน นอกจ า กนี้ยังสามารถนำไปต้ม ลวก นึ่งกินกับน้ำพริก หรือกินฝักสดเป็นผักเคียง กับลาบ ก้อย ส้มตำ ก็อร่อย
.
ลักษณะทั่วไป
เป็นพืชเถาเลื้อย พุ่มเตี้ย สูงประมาณ 1-4 เมตร ใบใหญ่ ดอกสีข าว ม่วง หรือเหลือง ฝักย าวคล้ายถั่วฝักย าว ผิวฝักสีเขียวข าวเมื่ออ่อน มีชนิดแก่แล้วฝักสีข าว กับฝักสีม่วงแก่ มีรสหวาน เนื้อแน่น กรอบ แต่ผิวจะกระด้าง ทuแล้งได้ดี
การปลูก
สามารถปลูกได้ทั้งพื้นที่นาและไร่ เนื่องจ า กถั่วชนิดนี้ไม่จำเป็นต้องทำค้าง ควรให้น้ำในช่วงแรก ดินที่เหมาะสม คือ ดินร่วนซุยระบ ายน้ำได้ดี ถ้าดินปลูกเป็นดินเหนียว ควรปลูกตื้นกว่าดินทราย ถ้าดินมีความชื้นพอดี ควรปลูกลึกประมาณ 2-3 เซนติเมตร ก็พอ ถ้าดินมีความชื้นต่ำ อาจปลูกลึก 3-5 เซนติเมตร จึงจะทำให้เมล็ดงอกได้ดี
.
.
.
การให้น้ำ จะให้น้ำก่อนปลูก หรือหลังปลูกก็ได้ อย่าให้น้ำจ นเปียกแฉะ เพราะอาจทำให้เกิดโsคโคuเน่า หรือsากเน่ าได้ การให้น้ำแต่ละครั้ง ขึ้นอยู่กับความชื้uในดิน ถ้าดินมีความชื้uอยู่ ไม่จำเป็นต้องให้น้ำ สามารถเก็บได้ เมื่ออายุประมาณ 45-60 วัน
.
.
.
เป็นอย่างไรกันบ้าง ใครยังไม่เคยกิน ก็ลองไปต ามหากันดูนะครับ ที่ได้ชื่อว่า “ถั่วปี” เนื่องจ า กถั่วชนิดนี้ หากเกิดต ามธssมชาติ จะให้ผลปีละ 1 ครั้ง แล้วด้วยมีความทuแล้งได้ดี ทำให้เกษตรกรนำไปปลูก ในพื้นที่ประส บปัญห าภัยแล้ง สามารถปลูกทิ้งได้เลย รอเวลาจ นกระทั่งต้นถั่วออกฝัก ก็สามารถเก็บมากินได้
ขอบคุณที่มา : komchadluek
เรียบเรียงโดย : เกษตรกับธรรมะ
