ปลูกผักหวานป่าสร้างรายได้ 300 บาท ต่อกิโลกรัมสร้างกำไรได้เกือบทั้งปี
การปลูกผักหวานป่ากันซึ่งเป็นอีกหนึ่งอีกหนึ่งชนิดที่หารับประทานได้ยากแต่ก็มีผู้คนนิยมรับประทานกันอย่างมากมายโดยวิธีการปลูกนี้นั้นจะมีนายสุจินต์ แสงแก้ว ซึ่งเป็นรองนายกเทศมนตรีตำบลป่าเมี่ยงอำเภอดอยสะเก็ดจังหวัดเชียงใหม่และมีอีกหนึ่งมุมมองในฐานะเกษตรกรตัวอย่าง
เพราะตัวเขานั้นไม่เพียงแค่มีสวนลำไยแต่มีผักหวานป่าด้วยและมีการจัดสรรพื้นที่ของตัวเองให้สามารถปลูกพืชผักและใช้พื้นที่ได้อย่างมีประโยชน์มากที่สุดอีกคนหนึ่ง โดยตัวเขาได้เปิดเผยว่าผักหวานป่านั้นเขาได้ปลูก มานานกว่า 10 ปีโดยในช่วงหน้าก็อาจจะต้องใช้ความดูแลและความเอาใจใส่การเป็นอย่างมาก แต่ถ้าหากใครได้ศึกษาในเรื่องของสภาพพื้นที่ก็พบว่าผักหวานป่านั้นมักจะพบทั่วไปในป่าเต็งลั้งหรือเปล่าเป็นสะพานทุกภูมิภาคของประเทศ
ซึ่งสภาพของดินนั้นก็มาจะเป็นดินกรวดดินปนทรายซึ่งถือว่าเป็นดินที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตของผักหวานป่ามากที่สุด โดยคุณสุจิตนั้นได้มีการเน้นเพาะพันธุ์เมล็ดเป็นหลักเพราะว่าลักษณะพื้นที่ที่ใช้ปลูกนั้นคือเป็นดินกรวดที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตและในปัจจุบันนี้เขาก็ยังปลูกผักหวานป่าแซมกับสวนลำไยด้วย
โดยวิธีการเพาะเมล็ดพันธุ์ก็ให้ทำการเลือกขนาดเมล็ดพันธุ์ที่มีสีเหลืองสุกจากนั้นก็ทำการแกะเปลือกล้างเยื่อหุ้มเมล็ดออกนำเมล็ดตั้งในมาคลุกเคล้ากับยากันเชื้อราซึ่งถือเป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดจากนั้นก็นำไปเพาะให้งอกออกมาในกระบะและในระหว่างนี้จะลดน้ำให้ความชุ่มชื้นอยู่เสมอเช้าเย็น 10 วันเมื่อรากงอกยาวประมาณ 1 cm.
จึงนำไปปลูกลงในดินและขั้นตอนต่อไปก็จะไม่ยุ่งยากมากนัก โดยก่อนที่จะหยอดเมล็ดลงไปนั้นจะต้องเตรียมหลุมลึกประมาณ 30 เซนติเมตรและมีการคลุกเคล้าปุ๋ยหมักผสมกับแกลบดิบในอัตราส่วน 1 ต่อ 1 ลงไปในหลุมให้ได้มีความพอดีและใช้ไม้แหลมยาวขนาดพอดีลงไปทางหลวงให้ลูกให้ได้มากที่สุดในแนวดิ่งจากนั้นจึงอบเมล็ดปิดลงไปประมาณครึ่งหนึ่งของเมล็ดอย่ากดแน่น
สำหรับการให้น้ำให้ปุ๋ยในระยะแรกหลังจากที่มีเมล็ดแทงยอดออกมาจะต้องให้น้ำประมาณ 2 วันต่อครั้งลดให้ชุ่มทำแบบนี้นานเกือบปีจนกว่าต้นกล้าจะแข็งแรงและมีการเน้นปุ๋ยคอกมูลสัตว์บำรุวไปเรื่อยๆ แล้วสำหรับช่องทางการตลาดนั้นนอกจากจะเป็นผักที่สามารถนำมาบริโภคในครัวเรือนได้แล้ว ก็สามารถนำไปขายโดยสามารถสร้างกำไรในราคา 300 บาทต่อกิโลกรัมได้เกือบทั้งปีโดยมีพ่อค้าแม่ค้าเข้ามารับซื้อกัน
ต้นผักหวาน จัดเป็นไม้พุ่มขนาดกลาง มีความสูงของต้นประมาณ 0.5-3เมตร ลำต้นแข็งแตกกิ่งก้านระนาบไปกับพื้นหรือเกือบปรกดิน ลำต้นอ่อน กลม หรือเป็นเหลี่ยม เปลือกต้นขรุขระเป็นสีน้ำตาล ส่วนกิ่งอ่อนเป็นสีเขียวเข้มผิวเรียบ กิ่งเรียวงอเล็กน้อยตามข้อ ขยายพันธุ์โดยใช้เมล็ดและการปักชำกิ่ง เจริญเติบโตได้ดีในที่ลุ่มต่ำที่มีความชื้นพอเหมาะ ดินร่วนชุ่มชื้นและระบายน้ำได้ดี สามารถพบได้ตามป่าดิบแล้ง ป่าละเมาะ ป่าดิบชื้น ที่โล่งแจ้ง ตามเรือกสวน หรือตามที่รกร้างทั่วไป