ที่สุดของความสุข คือ “การเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขที่สุด”
สุดของการเป็นคน คือ “การเป็นคนธรรมดาที่มีความสุขที่สุด” ท่ามกลางกระแสโต้เถียงร้อนแรงแห่งโลกโซเชี่ยล…คนที่สบายใจที่สุดคือ…คนที่อ่านแล้วไม่แสดงความเห็นเพิ่มความขัดแย้งใดๆเลย.
ท่ามกลางกระแสกลุ้มใจกับการหาเงินเพื่อใช้หนี้ก้อนโตให้เร็วที่สุด…คนที่ปลดหนี้ได้ก่อนใครๆคือ…คนที่หยุดสร้างหนี้ใหม่ขึ้นอีกต่างหาก.
ท่ามกลางกระแสพัฒนาโครงข่ายสื่อสารให้รวดเร็วระดับ2G,3G.4G…คนที่ได้ประโยชน์มากที่สุดคือ…คนที่ค่อยๆเลือกรับข่าวสารที่เป็นประโยชน์และไม่ขาดการติดต่อกับครอบครัวเมื่อมีเหตุจำเป็น…หาใช่คนที่จมไปกับกองขยะข้อมูลปฏิกูลข่าวสาร.
ท่ามกลางคำคม-ข้อคิดที่สรรหามาแชร์กันจนนับไม่หวาดไหวบนโลกโซเชี่ยล…คนที่ดำรงตนให้เป็นสุขอยู่ได้คือ…คนที่เก็บคำคม-ข้อคิดบางอย่างที่เคยผ่านมา แล้วนำไม่กี่ข้อมาปรับใช้เข้ากับตัวเอง…มิใช่คนที่แสวงหาคำคม-ข้อคิดใหม่ๆที่ผ่านตาเข้ามาทุกวัน.
ท่ามกลางการวิพากษ์วิจารณ์มากมายถึงข้อดีข้อเสียในตัวตนของเรา…คนที่ยืนยิ้มเชิดหน้าในสิ่งที่ถูกต้องแห่งตัวตนอยู่ได้คือ…คนที่ไม่สนใจกับเสียงวิจารณ์ที่ไม่รู้จริง…มิใช่คนที่พยายามอธิบายให้ทุกคนเข้าใจอย่างเหน็ดเหนื่อย
ท่ามกลางกระแสการแข่งขันเล่าเรียนสะสมปริญญาเพื่อแสวงหาความก้าวหน้าทางการงานและอยู่ดีกินดี….คนที่เอาตัวรอดกับภาวะเศรษฐกิจขาลงได้ดี…ส่วนหนึ่งคือ…คนที่มีปฏิภาณไหวพริบ รู้จักผ่อนหนักผ่อนเบา เข้าใจในโลกธรรมและยอมรับทุกความเปลี่ยนแปลงอย่างรู้เท่าทันมากกว่า.
เสื้อสวยที่ติดยศถาบรรดาศักดิ์สูงสุด…ย่อมติดภาระหน้าที่รับผิดชอบจนหมดอิสรภาพแห่งการใช้ชีวิต…คนที่ยิ้มกว้างอย่างมีความสุขที่สุดหลายคน…จึงแค่ใส่เสื้อเก่าๆที่ปราศจากตำแหน่งหรือหัวโขน…หรือบางคนยิ่งมีความสุขกว่าใครๆ…แม้ถอดเสื้ออยู่ก็มาก.
ทุกข์ที่สาหัสในหมวดของความยากจนก็คือ ทุกข์เพราะไม่เท่า…หลายคนผ่านทุกข์เพราะไม่มีมาได้ด้วยความขยัน…แถมผ่านด่านทุกข์ที่ไม่พอมาด้วยอดออม…แต่ต้องมาติดกับดักเพราะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่นว่ามีมากกว่า…หยุดเปรียบเทียบ…ชีวิตหลุดบ่วงทุกข์อย่างมหัศจรรย์
คนปฏิบัติธรรมแล้วชีวิตดีขึ้นทันตาเห็น…คือคนที่เข้าใจว่า ต้องรู้เท่าทันจิตที่กำลังปรุงแต่ง…มิใช่บังคับจิตให้หยุดฟุ้งซ่าน…เพราะทันทีที่รู้ทัน…ความรู้เท่าทันจะหยุดสภาวะทุกข์ โลภ โกรธ หลงได้ทันทีนั่นเอง. ขอบคุณบทความดีๆจากคุณเสก มดงาน บ้านรอยยิ้ม และ นุสนธิ์บุคส์