ธรรมะสอนใจ

จงสอนลูกจับปลา ฝึกหัดให้ลูกรู้จัก ความลำบากบ้าง

จงสอนลูกจับปลา ฝึกหัดให้ลูกรู้จัก ความลำบากบ้างให้ปลาลูกหนึ่งตัว มีกินแค่หนึ่งวัน สอนลูกจับปลา หากินได้ตลอดไป จงอย่าให้ปลาแก่เขา… ควรจะให้เบ็ดตกปลาเขาไป แล้วสอนวิธีการหาปลาให้แก่เขา เพื่อให้เขารู้จักการเอาตัวรอดในสังคม และ รู้จักการหากินด้วยตัวของเขาเอง
พ่อแม่ปัจจุบันส่วนใหญ่จะเป็นพ่อแม่สำเร็จรูป ทำงานมากเกินไปจนไม่มีเวลาสั่งสอนลูก ก็จะเตรียมทุกอย่างสำเร็จรูปไว้ให้ลูกเลย ลูกๆส่วนใหญ่จึงทำอะไรไม่ค่อยเป็น

มีเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งว่า วัยรุ่นคนหนึ่งขอเงินแม่ไปเที่ยว แม่บอกว่า ลูกรู้ไหมว่าสมัยแม่อายุเท่าลูก ไม่เคยเที่ยวที่ไหน ต้องทำงานทุกอย่าง พับถุงกระดาษขายตัดใบตองขนไปส่งขายในตลาด แต่ละบาทแต่ละสตางค์ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำ ลูกนั่งฟังแม่เงียบๆ…

ลูกต้องรู้จักความลำบาก ไม่งั้นอีกหน่อย เกิดไม่มีแม่แล้วจะทำยังไง ซักผ้าเองยังไม่ได้ ขึ้นรถเมล์ก็ไม่เป็น ใช้เงินอย่างนี้ จะเอาตัวรอดได้ยังไง

เมื่อแม่เทศน์จบ ก็ควักเงินยื่นให้ลูก นี่ไม่ใช่เรื่องแต่ง พ่อแม่จำนวนมากทำอย่างนี้ เมื่อลูกขอเงินไปเที่ยว จะพร่ำบ่นลูก และเล่าเรื่องเมื่อตนเผชิญความลำบากในสมัยก่อน เล่าย้อนไปถึงชีวิตลำบากของตนในวัยเท่ากัน แล้วปิดท้ายด้วยการให้เงินลูกไป…


คนหาเช้ากินค่ำ สมัยก่อนไม่มีคำว่า “มรดก” ในพจนานุกรมชีวิต ทุกอย่างในชีวิตต้องหามาเองทว่าคนรุ่นนี้เมื่อลืมตาอ้าปากได้ และ เป็นพ่อแม่ มักจะทำให้ลูกเสียคนโดยไม่ตั้งใจ พ่อแม่จำนวนมากเก็บเงินเก็บทองไว้ โดยไม่ยอมใช้ บอกว่า… “เก็บไว้ให้ลูก” เหตุผลอาจเพราะ พ่อแม่ไม่อยากให้ลูก ผ่านความลำบากเหมือนตัวเอง การเตรียมทุกอย่างให้ลูก เหมือนสะท้อนสิ่งที่ตัวเอง อยากได้ในวัยเด็ก แต่มันกลับสร้างนิสัย “ไม่สู้งานหนัก” ให้ลูก… ไปโดยปริยาย

ไม่มีเงินเป็นปัญหา มีเงินก็เป็นปัญหา บางครั้ง และ บ่อยครั้งการมีเงินมาก อาจทำให้เลี้ยงลูกยากขึ้น เงินก็เหมือนไขมันในร่างกาย น้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ ” อันตราย “ในสังคมบูชาคนรวย และ การรวยทางลัด การอบรมสั่งสอนลูก เดี๋ยวนี้ยากขึ้นเรื่อยๆ

เพราะสิ่งเร้ารอบตัว ทางเดียวที่จะให้ลูกโตขึ้น ทแล้วยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ คือต้องสอนเรื่องวินัยการใช้เงิน และ ความอดทน การรู้จักใช้ชีวิต และ รับผิดชอบตัวเอง อย่าสร้างปัญหาแก่สังคมไม่พอกพูนด้วย ”ไ ขมันแห่งวัตถุนิยม “มากเกินไป พ่อแม่ต้องมองภาพกว้าง และมองให้ออกว่า….

หากให้มากเกินไป จะทำให้ลูกไม่รู้จักหามาด้วยตัวเอง หรือไม่ ทำอะไรไม่เป็นเลยหรือเปล่า กลายเป็นรอแต่แบมือขออย่างเดียว ความรักย่อมเป็นเรื่องดี แต่ต้องรักให้ถูกวิธีด้วยื คนรวยที่ฉลาด รู้ว่าการได้เงิน เป็นเรื่องง่ายกว่าการใช้เงิน และ คนที่ไม่รู้จักหาเงินมักใช้จ่ายเงินฟุ่มเฟือย คนที่รวยจากสมบัติที่ได้มาง่ายๆ จากมรดก อาจจะขาดความรู้สึกดีๆ ของการสร้างตัวด้วยตัวเอง ขาดความภาคภูมิใจของการหามาได้ และ ทักษะการแก้ปัญหาชีวิต

มีตัวอย่างจริงไม่น้อย ที่คนรวยแบ่งสมบัติครึ่งหนึ่ง ให้องค์กรการกุศล และ ที่เหลือให้ลูกหลาน เพื่อให้ลูกๆเรียนรู้ที่จะยืนด้วยตัวเอง และ สร้างมันขึ้นมาใหม่มหาเศรษฐีลำดับต้นๆ ของโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกว่า…

ลูกๆ ของเขาจะต้องแผ้วถางทาง ของพวกเขาเอง แน่นอนลูกๆ ของเขาก็รู้ว่า เขารอช่วยทุกอย่างแต่ก็ต้องลงแรงทำงาน การให้เงินทองแก่ลูกหลาน ด้วยจำนวนที่มากพอสบายทั้งชีวิต เพียงเพราะพวกเขาเกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวย เป็นเรื่อง ”อั นตราย“เพราะการให้อาจ… ”ทำร้าย “ลูกๆทางอ้อม บัฟเฟตต์จึงให้มรดกแก่ลูกหลาน… มากพอที่พวกเขารู้สึกว่า ” สามารถทำอะไรก็ได้” แต่… ไม่มากพอที่พวกเขา ” ไม่ต้องทำอะไรเลย “

เราต้องสอนค่านิยมชื่นชมบุคคลที่สร้างตนเองจากศูนย์ หาเงินอย่างสุจริต รู้คุณค่าของการทำงาน การสร้างตัว สิ่งที่ควรให้ลูกๆมากกว่าเงินก็คือความเอาใจใส่รับรู้กิจ ก ร ร ม ที่ลูกทำ เป็นเพื่อนกับลูก นี่อาจเป็นสิ่งที่มีค่ากว่าการให้เงินอย่างเดียว

ตามสุภาษิตที่ว่า… “สอนลูกจับปลา ไม่ใช่จับปลาให้ลูก”

Facebook Comments Box
สวัสดี